หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

WHAT  IS  CONTINUING  PROFESSIONAL  DEVELOPMENT : CPD (การพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง)

     
การ พัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง หรือ พวต. (Continuing Professional Development : CPD) คือการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องของผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมทุกระดับ โดยการเข้าร่วมหลักสูตรหรือกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์หรือมีเนื้อหาสาระ  ในอันที่จะยกระดับความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม







จุดมุ่งหมายของระบบ CPD :

- เน้นความเป็นมืออาชีพ
- เก็บบันทึกส่วนตัวของกิจกรรม CPD 
- วางแผนอาชีพการพัฒนาตนเองในอนาคต
- หลักฐานความสามารถของคุณที่จะอยู่ใน 'สถานะ   ที่ดี'                                                                      




     วงจรการวางแผนการเป็นกระบวนการซ้ำ ซึ่งจะสามารถตีความแตกต่างกัน  ขั้นตอนขึ้นอยู่กับว่าคุณตั้งค่าการออกเดินทางการพัฒนามืออาชีพเป็นครั้งแรกหรือมีส่วนร่วมอยู่แล้วในแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่วนบุคคล  ซึ่งในแง่วิชาชีพสถาปนิก  ทางสภาสถาปนิกในฐานะที่เป็นหน่วยงานส่งเสริม และกำกับมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม จึงได้ดำเนินการโครงการการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง (Continuing Professional Development : CPD) โดยมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งทางวิชาชีพ และพัฒนาศักยภาพความสามารถและประสบการณ์ของผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นการประกันมาตรฐาน และคุณภาพการให้บริการทางวิชาชีพ

     เรื่องของ CPD ได้มีการกล่าวถึงมานานพอสมควร  พร้อมๆ กับเรื่องของ Internship Development Program - IDP ซึ่งคาดว่าจะมีร่างข้อบังคับตามมาในอนาคต หลักการของการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องตามที่เขียนไว้ในหลักการและเหตุผลของร่างข้อบังคับว่า 'เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมจะมีความรู้ความสามารถ ที่ทันสมัยอยู่เสมอ อันจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนในการให้บริการวิชาชีพ อีกทั้งเพื่อให้เป็นไปตามหลักการมาตรฐานระดับนานาชาติซึ่งมีการบังคับให้ผู้ ประกอบวิชาชีพได้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถและเสริมประสบการณ์ใหม่ๆ ในระหว่างที่ถือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 




     โดยในการประชุมใหญ่สามัญสภาสถาปนิก ประจำปี พ.ศ. 2552 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2552 ได้มีการพิจารณาและผ่านร่างข้อบังคับสภาสถาปนิก 2 ฉบับ ได้แก่

       1) ร่างข้อบังคับสภาสถาปนิกว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม แต่ละระดับ การออกใบอนุญาต การต่อใบอนุญาต อายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต และการออกหลักฐานรับรองการได้รับใบอนุญาต พ.ศ. …. และ
       2) ร่างข้อบังคับสภาสถาปนิกว่าด้วยการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องของผู้ประกอบวิชาชีพ สถาปัตยกรรมควบคุม พ.ศ. ….

     สาระสำคัญของร่างข้อบังคับ ฉบับนี้คือ กำหนด ให้ผู้ถือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อเก็บหน่วย พวต. ไว้สำหรับการต่ออายุใบอนุญาต และใช้ประกอบการเลื่อนระดับเป็นสามัญสถาปนิกหรือวุฒิสถาปนิก ซึ่งหลักเกณฑ์โดยทั่วไปก็คือต้องสะสมหน่วยพวต. 12 หน่วยต่อปี ส่วนกิจกรรมพวต. ตามปกติได้แก่ การบรรยาย การฝึกอบรม ประชุมสัมมนา การศึกษาดูงาน หรือการอื่นในทำนองเดียวกัน แต่ก็ยังรวมไปถึงกิจกรรมอีกหลายอย่างที่เป็นการ contribute ให้แก่สังคม แก่วิชาชีพ เช่น การเป็นวิทยากร เขียนบทความหรือแต่งหนังสือตำราทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย การร่วมทำงานในองค์กรหรือสมาคมทางวิชาชีพ ฯลฯ

     ในร่างข้อบังคับฉบับนี้ได้กำหนดกรอบของการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องในเรื่องต่างๆ นอกจากเรื่องจำนวนหน่วย พวต. แล้ว ยังได้กำหนดกรอบในเรื่องของ กิจกรรมพวต. ผู้จัดกิจกรรมพวต. การยื่นหลักฐานหน่วยพวต. มาตรการในกรณีหน่วยพวต.ไม่ครบตามที่กำหนด ฯลฯ  ร่างข้อบังคับฉบับนี้มีบทเฉพาะ กาลเพื่อยกเว้นไม่ต้องยื่นหลักฐาน พวต. ให้สำหรับการต่ออายุใบอนุญาตและการเลื่อนระดับในระยะ 1 ปีหลังออกข้อบังคับ และผ่อนผันจำนวนหน่วย พวต. สำหรับการต่ออายุและเลื่อนระดับในระยะ 1-5 ปีหลังออกข้อบังคับ
           
     ตามที่ร่างข้อบังคับสภาสถาปนิกว่าด้วยการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง (Continuing Professional Development) CPD หรือ พวต. ผ่านการรับรองโดยเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกผู้เข้าประชุมใหญ่สภา สถาปนิกประจำปี 2552 เมื่อวันเสาร์ ที่ 25 เมษายน 2552 แล้ว โดยมีข้อแนะนำจากสมาชิกที่ต้องปรับ แก้ให้ข้อบังคับมีความชัดเจนสมบูรณ์ ก่อนที่สภาฯ จะเสนอกระทรวงมหาดไทยเพื่อประกาศใช้เป็นทางการต่อไป เพื่อให้สมาชิกสภาสถาปนิกทุกท่านได้ทำความเข้าใจถึงที่มา และเหตุผลเจตนารมณ์หลักการ และวิธีดำเนินการในการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องอีกครั้ง ก่อนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการพัฒนาวิชาชีพ ขอสรุปประเด็นสำคัญเพื่อเผยแพร่แก่สมาชิกทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้


เจตนารมณ์ ของ CPD

       1 . การพัฒนาวิชาชีพศึกษาต่อเนื่อง (CPD) เป็นกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) ที่ให้สถาปนิกได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์วิชาชีพใหม่ตลอดเวลา เพื่อให้มีความสามารถในการทำหน้าที่ตอบสนองสังคม และส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีจริยธรรม และสำนึกรับผิดชอบต่อผลกระทบ ที่จะเกิดจากการปฏิบัติวิชาชีพของตน CPD ที่สภาสถาปนิกผลักดันให้เกิดขึ้น มิใช่เป็นเพียงการสร้างความเข้มแข็งในทางวิชาการวิชาชีพแก่สถาปนิกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมให้สถาปนิกมีบทบาทในการทำงานเพื่อสังคมด้วยจิตอาสา มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เสียสละเวลา และมีส่วนร่วมกิจกรรมจรรโลงวิชาชีพ ตามกำลัง และความถนัดเพื่อร่วมพัฒนาวิชาสถาปัตยกรรมให้เจริญก้าวหน้าไม่หยุดนิ่ง ทั้งในฐานะผู้รับ  ผู้ร่วมกิจกรรม หรือในฐานะผู้ให้ ผู้ชี้แนะแก่สถาปนิกรุ่นเยาว์ ด้วยประสบการณ์ที่ท่านสั่งสมมาตลอดชีวิตการทำงานวิชาชีพ
       2 . เมื่อ CPD กลายมาเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการทำงานข้ามพรมแดน (Cross Border) ของสถาปนิกภายใต้สัญญาการค้าเสรี สถาปนิกหลายท่านเห็นว่า CPD กลายเป็นเงื่อนไขข้อกีดกันทางการค้า แต่หากพิจารณาด้วยเหตุผล และใจที่เป็นกลาง CPD เป็นเพียงกลไกเทียบเคียงคุณภาพของสถาปนิกนั่นเอง

     สิ่งที่ยังเป็นปัญหาและข้อถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ก็คือ พวต.นั้น ดีจริงหรือ และ การมีพวต.นั้น จัดเป็นการลิดรอนสิทธิ์ของผู้ที่ประกอบอาชีพสถาปนิกอยู่ในขณะนี้หรือไม่ ดังบทความดังต่อไปนี้

                ยังมีคำถามหรือข้อสงสัยจากสมาชิกสภาสถาปนิกบางท่านว่า อะไรคือ พวต. แล้วที่คัดค้านกัน คัดค้านอะไร
                เรื่องของ พวต. หรือการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องในประเด็นความเข้าใจหรือความคิดในเรื่องนี้จากผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน  ซึ่งมีความเข้าใจในเรื่องนี้แตกต่างกัน  และที่ได้เสนอความเห็นให้มวลสมาชิกพอสรุปได้จากผู้ที่เสนอเรื่องพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องได้ความเป็นดังนี้
1.  ความเห็นของอาจารย์เดชา  บุญค้ำ  อดีตคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  และอดีตกรรมการสภาสถาปนิก  ท่านให้จุดมุ่งหมายของเรื่องนี้ว่ามาจากการประชุมร่วมกับ กพ. คณะกรรมการพลเรือน ซึ่งให้ความเห็นว่า ปัจจุบัน นิสิต นักศึกษา ที่เรียนจบหลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตร์มักจะทำงานในวิชาชีพไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ      เพราะฉะนั้น  ก่อนที่จะขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นสถาปนิก  น่าจะให้นิสิตหรือนักศึกษาเหล่านี้ เป็นสถาปนิกฝึกหัด (เหมือนแพทย์ฝึกหัด)  เสียก่อน  ใช้เวลาสัก 2 ปี  แล้วจึงให้มีสิทธิเป็นสถาปนิก (ตรงนี้อาจารย์เดชาคงลืมไปว่า  ภาคีสถาปนิกนั้นที่จริงก็คือ สถาปนิกฝึกหัด  ที่ถูกกำหนดขนาดความรับผิดชอบไว้น้อยมาก  และให้เป็นสถาปนิกฝึกหัดที่เรียนรู้ด้วยตนเองที่เรียกว่า  learning by doing)
                2.  ความเห็นท่านต่อมาคือ คุณมติ  ตั้งพานิช  อดีตนายกสภาสถาปนิก ที่เห็นว่าการพัฒนาวิชาชีพสถาปัตยกรรม หมายความถึงการพัฒนาวิชาชีพในระดับสากลให้เท่าเทียมกับประเทศอาเซียนหรือประเทศภาคพื้นเอเชียหรือเอเปค  เพราะฉะนั้นการพัฒนาวิชาชีพให้เกิดความเท่าเทียมกันต้องปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้ทุกประเทศในเอเปค มีมาตรฐานเดียวกันก่อน  ซึ่งจะใช้เวลาในการพัฒนานี้ 12 ปี  สำหรับประเทศไทย  ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องกลับไปประชุมร่วมและให้ความเห็นพ้องกันใน ACASTA ก่อน
                3.  ส่วนท่านที่ 3  คือ  ท่านอาจารย์วีระ  สัจจกุล  อดีตคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  ปัจจุบันท่านช่วยงานพัฒนาวิชาชีพของสมาคมสถาปนิกสยาม  ท่านจัดอบรมวิชาชีพ  วิชาการ  กำหนดหลักสูตร   หลักเกณฑ์การอบรม  ให้สมาคมสถาปนิกสยามมาโดยตลอด  ก็มีสมาชิกสมาคมเข้าเรียนรู้กันมาตลอด  บางครั้งก็มีผู้สมัครเข้าอบรมมากจนต้องจัดกันหลายครั้ง  บางครั้งก็อาจจะมีคนมาร่วมไม่มากนัก และทุกครั้งสมาคมฯ ก็คิดค่าใช้จ่ายในการจัดสัมมนามาโดยตลอด  แต่ก็นับว่าเป็นการส่งเสริมและพัฒนาวิชาชีพที่ดีมาก
                มาถึงเรื่อง พวต. ของสภาสถาปนิก  ถ้าจะดูระเบียบที่ว่าด้วยหลักเกณฑ์ทั่วไปของขอบข่ายกิจกรรม  ดูปฏิทินการเข้าร่วมกิจกรรมของสภาแล้ว เสมือนว่าการพัฒนาวิชาชีพ ดูสะดวก สบาย ง่าย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร  แต่ถ้ากลับไปอ่านรายละเอียดข้อบังคับ พวต. ของสภาสถาปนิกแล้ว จะเห็นว่าแท้ที่จริง
                ข้อบังคับ พวต. ดังกล่าว ได้ซ่อนประเด็นของการกีดกัน  ตัดสิทธิ์  ตัดรอนการประกอบวิชาชีพของมวลสมาชิกสภาสถาปนิกเป็นส่วนใหญ่  ซึ่งขอย้ำอีกครั้งในที่นี้ว่าข้อบังคับ พวต. ของสภาสถาปนิกเป็นเรื่องที่มิใช่เป็นเรื่องของการพัฒนาวิชาชีพที่มีหลักการ  ตัวอย่างของการจัดกิจกรรม 3 ครั้งที่ผ่านมาของสภาฯ กล่าวได้ว่าไม่มีเนื้อหาหรือหลักเกณฑ์ที่เป็นการพัฒนาวิชาชีพแต่อย่างไร  ประเด็นข้อสงสัยการกีดกัน ตัดสิทธิ์ ตัดรอนของสถาปนิกที่ชัดเจนก็ยังเป็นเรื่องที่ผมเสนอไว้ คือ
                1.  เป็นภาระและความยุ่งยากในการประกอบวิชาชีพ
                2.  เป็นการเอื้อประโยชน์หรือให้ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งแก่บุคคล หรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง  (ตัวอย่างเช่น  การต้องใช้หรือเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้ใดผู้หนึ่ง  ในการสัมมนาหรืออบรมในกิจกรรมพัฒนาวิชาชีพของสมาคมสถาปนิกสยามฯ)
                3.  เป็นการตัดสิทธิ์  รอนสิทธิ์  การประกอบวิชาชีพโดยสุจริต  อันขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ตามที่ได้เคยชี้แจงไว้ในรายละเอียดที่ผมเขียนเมื่อ 2 วันก่อน)
                ผลของการตัดสิทธิ์  รอนสิทธิ์  อาจจะทำให้สมาชิกสภาสถาปนิก หรือผู้ประกอบวิชาชีพลดจำนวนลงนับเป็นหมื่นคน  ถ้าเปรียบเทียบจากการเข้าร่วมกิจกรรม พวต. ของสภาสถาปนิกที่มีผู้เข้าร่วมครั้งละประมาณพันกว่าคน ที่คิดเทียบไม่ถึงร้อยละ 10 ของผู้ประกอบวิชาชีพ
                เรื่องนี้เป็นอันตรายของผู้ประกอบวิชาชีพจริงๆ ที่ผู้มีสิทธิ์ในการประกอบวิชาชีพโดยสุจริต  ที่ควรจะต้องคัดค้านเพื่อรักษาสิทธิ์ในการประกอบอาชีพของตน  หรือหมายถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง

ชวพงศ์  ชำนิประศาสน์

     รายละเอียดร่างของ พวต. สามารถอ่านได้ที่ http://anon-72.blogspot.com/2010/09/cpd_14.html



ปัญหา

· สถาปนิกที่เพิ่งจบมาเข้าทำงานนั้น ปฏิบัติวิชาชีพไม่เป็น
· ความไม่มีมาตราฐานทางการศึกษา ปัญหาคุณภาพของมหาวิทยาลัย
· ในยุคปัจจุบัน ต้องการคนที่รู้จริง มีความสามารถ




ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น

· เพื่อยกระดับคุณภาพของวิชาชีพเพื่อสร้างคนเก่ง
· เพื่อแก้ปัญหาระดับการศึกษาที่ไม่เท่ากัน



หลักการ

 - ต้องการ 60 หน่วย พวต. ภายใน 5 ปี
 - 12 หน่วย พวต. / ปี
 - คะแนน 2-6 หน่วย ต่อ 1 กิจกรรม (คะแนนจะขึ้นอยู่กับกิจกรรมนั้นๆ)
 - หลักสูตรไม่ต้องอนุมัติโดยกรรมการ แต่สามารถยื่นขอได้

       ผู้จัดกิจกรรม CPD ได้แก่ สถาบัน องค์กร หรือ หน่วยงาน ดังต่อไปนี้
       1. สภา สถาปนิก
       2. องค์กร หรือ สมาคมทางวิชาชีพที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบ
       3. สถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ที่ทำการสอนหลักสูตรสถาปัตยกรรมที่ได้รับการรับรองปริญญา อนุปริญญา ประกาศนียบัตร                หรือวุฒิบัตร และ สภาฯ ให้ความเห็นชอบ
       4. หน่วยงานของรัฐที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบ
       5. สถาบัน องค์กร หรือ หน่วยงานอื่นๆ ที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ผู้จัดกิจกรรม CPD จะต้องเสนอแผนกิจกรรมเพื่อให้สภาฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ รายการกิจกรรม และ การกำหนดหน่วย CPD เสียก่อนที่จะเริ่มต้นกิจกรรมไม่น้อยกว่า 45 วัน




กิจกรรม CPD

       ประเด็นนี้ สมาชิกหลายท่านยังเข้าใจผิดว่า CPD เน้นแต่การฝึกอบรม หรือการศึกษาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมเท่านั้น แต่ CPD ที่สภาฯ กำหนดนี้อยู่ในขอบข่ายกิจกรรม ที่ค่อนข้างหลากหลาย ดังต่อไปนี้
       1. การฝึกอบรม / ประชุม สัมมนา หรือ อื่น ๆ
       2. เป็นวิทยากรในหลักสูตร หรือ กิจกรรมตามข้อ 1
       3. เขียนบทความวิชาการ และ เผยแพร่ในการประชุมวิชาการ โดยมีเนื้อหาวิชาชีพ และสภาฯ ให้การรับรอง
       4. เขียนหนังสือ / ตำราวิชาการที่เกี่ยว กับ วิชาชีพ และเผยแพร่ โดยสภาฯ ให้การรับรอง
       5. เสนอผลงานวิจัย / วิชาการต่อที่ประชุมวิชาการโดยมีเนื้อหาวิชาชีพ และสภาฯ ให้การรับรอง
       6. สำเร็จการศึกษาในระดับสูงขึ้น ในหลักสูตร / สาขาที่สภาฯ ให้การรับรอง
       7. เป็นกรรมการ / อนุกรรมการ / คณะทำงานในสภาฯ หรือองค์กรวิชาชีพที่สภาฯ ให้การรับรอง
       8. เป็นครูพี่เลี้ยงในโครงการสถาปนิกฝึกหัด
       9. กิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ การเป็นผู้แทนของสภาฯ องค์กรวิชาชีพ ที่สภาฯ รับรอง / การเป็นกรรมการ / 
           อนุกรรมการ อื่น ๆ / การเข้าร่วมกิจกรรมจรรโลงวิชาชีพ – บริการสังคม / การเข้าร่วมประชุมใหญ่
           สภาฯ และสมาคมวิชาชีพ ซึ่งต้องเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง ใน 5 ปี
       10. การเข้าร่วมกิจกรรมบรรยาย ประชุม สัมมนาโดยองค์กร อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ผู้จัดกิจกรรม พวต . ที่
           สภาฯ ให้การรับรองเนื้อหา สาระวิชา / กิจกรรมฝึกอบรมเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถเท่าที่สำรวจ
           จากโครงการ CPD ที่นานาประเทศดำเนินการ และที่คณะอนุกรรมการพัฒนา สรุป เสนอสภา
           พัฒนา จะครอบคลุมเนื้อหาดังต่อไปนี้
                   
                   1. การรื้อฟื้นหลักการ และความรู้พื้นฐานด้านต่าง ๆ เช่น ออกแบบ / เทคโนโลยีการก่อสร้าง / สิ่งแวดล้อม / นิเวศน์วิทยา
                   2. ระเบียบ / กฎหมาย / เทคนิคการปฏิบัติวิชาชีพ ที่เปลี่ยนแปลง หรือปฏิบัติเป็นสากล
                   3. ความก้าวหน้าทางวิชาการ และวิชาชีพโดยตรง
                   4. ความก้าวหน้าทางวิชาการ และวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง / ข้างเคียง เช่น เทคโนโลยี การก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้างใหม่ๆ เทคโนโลยี                          เพื่อการออกแบบ
                   5. ความรู้เฉพาะทาง และที่ได้รับประกาศนียบัตร / ปริญญา
                   6. ความรู้ด้านการศึกษา และการวิจัยสถาปัตยกรรม
                   7. การทำงานบริการสังคม และเพื่อการจรรโลงวิชาชีพ

หมายเหตุ : กิจกรรม CPD และเนื้อหาสาระวิชา / กิจกรรมฝึกอบรมนี้ผู้จัดกิจกรรม พวต. แต่ละแห่ง จะต้องวางแผนกิจกรรม โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และความพร้อมของตน และนำเสนอเพื่อให้สภาฯ ให้การรับรองก่อนประกาศใช้ สถาปนิกทั้งหลายสามารถเลือกทำกิจกรรมข้ามสาขาได้ซึ่งจะทำให้โอกาสเข้าร่วม กิจกรรมมีหลากหลายตามความสนใจของตน

การรับรองหน่วย CPD

     ให้ผู้จัดกิจกรรม CPD เป็นผู้ออกเอกสารรับรองหน่วย CPD ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพที่ผ่านการเข้าร่วมหลักสูตร หรือกิจกรรม เพื่อเป็นหลักฐานให้ผู้จัดกิจกรรม CPD รายงานการรับรองหน่วย CPD ให้แก่สภาฯ ภายใน 30 วัน นับจากวันสิ้นสุดกิจกรรม การเข้าร่วมกิจกรรม CPD ผู้ประกอบวิชาชีพสามารถเลือกเข้ารับ หรือเข้าร่วมกิจกรรม CPD ใดก็ได้โดยอิสระ เพื่อให้ได้รับหน่วย CPD ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้

1. ผู้ประกอบวิชาชีพที่ต้องการต่อใบอนุญาตฯ จะต้องได้รับหน่วย CPD ไม่น้อยกว่า 60 หน่วย (หรือ 12 หน่วย ต่อปี ตลอด ระยะ เวลา 5ปี)
2. หน่วย CPD ที่ต้องทำไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวน หน่วย CPD ที่ต้องการทั้งหมดต้องได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม CPD ที่มีเนื้อหา         สาระเกี่ยวข้องโดยตรง กับวิชาชีพสถาปัตยกรรมในสาขาของตนตามที่สภาฯ กำหนด
3. หน่วย CPD สะสมได้มากที่สุดไม่เกิน 20 หน่วยในแต่ละปี


การแก้ไข CPD ในปี 2554


   จากการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิกสภาสถาปนิกเกี่ยวกับ ข้อบังคับสภาสถาปนิกว่าด้วย การพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องของผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมที่เป็นบุคคล ธรรมดา พ.ศ.2552 (พวต.) จากเวทีวิพากษ์ พวต. และการประชุมเสวนาต่างๆ ซึ่งสภาสถาปนิก และสมาคมวิชาชีพได้จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาค ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นั้น คณะกรรมการสภาสถาปนิกได้ทำการสรุปผล และมีมติให้เสนอร่างแก้ไขข้อบังคับฯ ดังกล่าว เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญสถาปนิกในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2554 ทั้งนี้ มีเนื้อหาของการแก้ไขใน 3 ประเด็นหลักดังนี้


1) ยกเลิกเรื่องหน่วยพวต.ที่ต้องใช้สำหรับการต่ออายุใบอนุญาตฯ และข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ยังคงไว้สำหรับการสะสมหน่วยพวต.เพื่อการเลื่อนระดับฯ เท่านั้น


2) ‎ปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ในการสะสมหน่วยพวต. โดยการสะสมหน่วยต่อปีให้ได้มากสุด 24 หน่วย (เดิม 20 หน่วย) สามารถสะสมหน่วยพวต.ปีเว้นปีได้ รวมทั้งยกเลิกหลักเกณฑ์ 2 ใน 3 หน่วยพวต.ที่สะสมที่ต้องมีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับวิชาชีพสถาปัตยกรรมในสาขาของตน


3) แก้ไขขอบข่ายกิจกรรมพวต. โดยเสนอให้กิจกรรมพวต.ประเภทอื่นๆ นอกจาก การบรรยาย อบรม สัมมนา ดูงาน และอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน มีการประกาศกำหนดภายหลัง 
ทั้งนี้ รายละเอียดที่เกี่ยวข้องอื่นๆ สภาสถาปนิกจะเสนอให้ทำการสอบถามความเห็นจากสมาชิกเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป



ลิงค์เพิ่มเติม

การประกาศใช้ CPD หรือ พวต จากสภาสถาปนิก

การพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องของผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมที่เป็นบุคคลธรรมดา พ.ศ. 2556

หลักเกณฑ์โดยทั่วไปของขอบข่ายกิจกรรม พวต. ประเภทต่างๆ และหน่วย พวต. สำหรับกิจกรรม พวต. พ.ศ. 2556

แหล่งที่มา 


http://www.technologymedia.co.th/news/newsview.asp?id=3235
http://www.asa.or.th/?q=node/98970
http://tlp.excellencegateway.org.uk/tlp/stem/resource2/gettingstarted.html
http://anon-72.blogspot.com/2010/09/cpd_14.html
http://www.matterloft.com/webboard_view.php?cid=2&ids=33
http://www.act.or.th/th/news/info.php?id=261
http://www.asa.or.th/?q=node/105245


 ติดต่อ พวต.

 เลขที่ 12 ถนนพระราม 9
 เเขวงหัวหมาก เขต บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
 โทรศัพท์ : 02-318-2112 ต่อ 160
 โทรสาร 02- 318-2131-2



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Translate